วางแผนเที่ยว 1 อาทิตย์พิชิตอเมริกา
ถ้าใครยังไม่เคยวางแผนเที่ยวอเมริกา อยากแนะนำแผนพิชิตอเมริกาฝั่งตะวันออกในหนึ่งอาทิตย์ (ฉบับกระเป๋าใบเดียวพอเที่ยวไหว) มาฝากกัน เที่ยวแบบพอหอมปากหอมคอ ครบรสทั้งเที่ยวธรรมชาติ พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี เดินตลาดช้อปปิ้งทั้งสายชิคและสายชิล ใครไหวก็เก็บกระเป๋ารอวีซ่าได้เลยจ้า
1. นิวยอร์ก (ควรมีเวลาประมาณ 3 วัน)
มหานครนิวยอร์ก หรือที่นิยมเรียกกันว่า นิวยอร์กซิตี้ ประกอบด้วย 5 เขตปกครองที่เรียกว่า โบโรฮ์ (Borough) คือ เดอะบรองซ์ บรูคลิน แมนฮัตตัน ควีนส์ และเกาะสแตเทน เมืองสำคัญอย่างแมนฮัตตันเป็นย่านที่มีประชากรหนาแน่น เป็นทั้งศูนย์กลางการค้า การเงิน และวัฒนธรรมที่สำคัญของโลก
ไอคอนสำคัญของนิวยอร์กก็คือบรรดาตึกระฟ้าที่สูงมาก อย่างเช่น ตึกเอ็มไพร์สเตต ตึกไครสเลอร์ ตึก Flatiro (ตึกเตารีด) ฯลฯ และยังมีแลนด์มาร์กสำคัญของนิวยอร์ก 3 แห่งที่ต้องไปเช็กอินให้ได้ก็คือ เทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty) ตั้งอยู่ที่อ่าวแมนฮัตตัน ไปเดินชิลข้ามสะพานบรูคลิน (Brooklyn Bridge) สะพานแขวนเก่าแก่ที่เชื่อมฝั่งแมนฮัตตันกับบรูคลิน
และแลนด์มาร์กที่ 3 ก็คือสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่รู้จักกันดีที่ทำหน้าที่เสมือนปอดของนิวยอร์กอย่างเซ็นทรัลพาร์ก (Central Park) สวนแห่งนี้มีผู้เข้าเยี่ยมชมกว่า 30 ล้านคนต่อปี ถือเป็นสวนสาธารณะที่มีผู้คนเข้าเยี่ยมชมมากที่สุดในอเมริกาเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังอีกสวนหนึ่งก็คือ The High Line เป็นสวนสาธารณะที่ถูกรีโนเวทมาจากทางเดินรถไฟสายเก่าที่ไม่ใช้งานแล้วจนกลายเป็นสวนสาธารณะลอยฟ้า สามารถเดินไปชมแม่น้ำฮัดสัน แม่น้ำสายหลักของเกาะแมนฮัตตันได้อีกด้วย
อย่างที่บอกว่าควรมีเวลาเที่ยวอย่างน้อยสัก 3 วัน เพราะนิวยอร์กมีสถานที่ที่เรียกว่าต้องไปเยือนมากมาย ที่พลาดไม่ได้เลยเช่นกันก็คือ โรงละครบรอดเวย์ (Broadway) ตั้งอยู่ในไทม์สแควร์ (Times Square) และที่จัตุรัสไทม์สแควร์นี้เองที่เป็นสถานที่เคาท์ดาวน์ที่มีชื่อเสียง ผู้คนจะหลั่งไหลกันมาร่วมเคาท์ดาวน์ปีใหม่จากจอดิจิทัลบนยอดตึกไทม์สแควร์ รวมถึงรอดูการแสดงพลุดอกไม้ไฟสุดอลังการได้ที่นี่
สำหรับสายช้อปปิ้งต้องไม่พลาด ย่านโซโห (Soho) และ ฟิฟธ์อเวนิว (5th Avenue) เพราะมีร้านค้าทั้งแบรนด์เนมและร้านของดีไซน์เนอร์ชื่อดัง เรียกว่าแค่วินโดว์ช้อปปิ้งก็ละลานตาไปหมด มาถึงฟิฟธ์อเวนิวทั้งทีอาจต้องแวะไปชม ห้องสมุด New York Public Library สักหน่อย เพราะที่นี่มีพื้นที่บางส่วนที่รวบรวมเอาเรื่องราวหนังสือและเทคโนโลยีการพิมพ์จัดแสดงไว้ให้ผู้สนใจเข้าชม จากที่นี่สามารถไปเที่ยวที่อื่นต่อก็ง่ายและสะดวกมาก
หากข้ามไปฝั่งบรูคลินจะมีย่านชุมชนที่ชื่อ วิลเลียมส์เบิร์ก (Williamsburg) เป็นย่านฮิปสเตอร์ที่มีอาร์ตแกลเลอรีรวมไปถึงบาร์แนวอินดี้ให้เห็นอยู่มากมาย ในช่วงซัมเมอร์จะมีตลาดนัดกลางแจ้งบริเวณริมแม่น้ำอีกด้วย
สำหรับสายอาร์ต นิวยอร์กเองก็มีสถานที่ a must ที่ไม่ไปถือว่าพลาดอย่าง MOMA หรือ Museum of Modern Art ที่อยู่ในย่าน Midtown ของแมนฮัตตัน เป็นที่เก็บรวบรวมงานศิลปะสมัยใหม่จากทั่วโลก นอกจากนี้ห้ามพลาดที่ต้องแวะไปที่ พิพิธภัณฑ์ Cooper Hewitt หรือที่มักเรียกกันว่า Smithsonian Design Museum อยู่ย่าน Upper East Side ของแมนฮัตตัน ใครที่ชอบงานดีไซน์ ทั้งภาพประกอบ แฟชั่น สถาปัตยฯ ผลิตภัณฑ์ ฯลฯ ต้องมาให้ได้
นอกจากสถานที่ต่าง ๆ ที่น่าสนใจแล้ว ยังมีอีกหนึ่งปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์เกิดขึ้นในย่านแมนฮัตตันด้วยเช่นกัน นั่นคือ แมนฮัตตันเฮนจ์ (Manhattanhenge) เป็นปรากฏการณ์ที่เหมือน ๆ กับที่สโตนเฮนจ์และปราสาทหินพนมรุ้ง ที่ดวงอาทิตย์ในช่วงกำลังลาลับขอบฟ้าจะสาดแสงไปตามช่องว่างของถนนระหว่างตึกในแมนฮัตตัน มักเกิดขึ้นในเวลาที่ใกล้เคียงกันในช่วง Summer ของทุกปี
สถานที่ทั้งหมดที่แนะนำไปนั้นเอาเข้าจริงก็ยังไม่แน่ใจว่าเวลาที่จัดไว้ 3 วันจะเพียงพอหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามข้อดีอย่างหนึ่งของนิวยอร์กก็คือเป็นเมืองที่มีการคมนาคมสะดวกสบาย มีระบบรถไฟใต้ดินที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ผู้คนเดินทางกันพลุกพล่านตลอดเวลา เป็น “เมืองที่ไม่เคยหลับใหล” เลยสักขณะหนึ่ง การเที่ยวนิวยอร์กจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่นิดเดียว
2. วอชิงตัน ดีซี (ควรมีเวลาอย่างน้อย 1 วัน)
เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่มีขนาดไม่ใหญ่โตแต่ใครที่มาอเมริกาก็ควรมาให้ถึงวอชิงตัน ดีซี สักครั้งหนึ่ง โดยวอชิงตัน ดีซี นับว่าเป็นเมืองที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ในแต่ละปีจะมีผู้มาเยี่ยมชมถึงปีละประมาณ 20 ล้านคน
แลนด์มาร์กสำคัญ ๆ ก็อยู่ที่นี่มากมาย เช่น อาคารรัฐสภา (United States Capitol) ทำเนียบขาว (White House) และศาลสูงสุดสหรัฐ (Supreme Court) นอกจากนี้ในพื้นที่ของ National Mall ยังถือว่าเป็นดงของพิพิธภัณฑ์ที่นับแค่พิพิธภัณฑ์ใหญ่ ๆ ก็มีมากกว่า 14 แห่งแล้ว ยังไม่รวมสถานที่อื่น ๆ เช่น อาร์ตแกลเลอรี อนุสาวรีย์ วงเวียน น้ำพุ รูปปั้น และอื่น ๆ พื้นที่ของ National Mall เริ่มตั้งแต่อนุสรณ์สถานลินคอล์น (Lincoln Memorial) ไปจนถึงอาคารรัฐสภาสหรัฐอเมริกา
สำหรับสายกินต้องขอบอกว่ามาที่นี่ต้องอาศัยซื้ออาหารจาก food trucks ที่มีค่อนข้างมาก จอดอยู่แถว ๆ พิพิธภัณฑ์ก็สะดวกดี ราคาประหยัด หรือจะเข้าไปกินที่ร้านคาเฟ่ในพิพิธภัณฑ์ก็ได้ แต่หากต้องการสัมผัสบรรยากาศชิล ๆ มากกว่านั้นลองแวะไปเดินใน ย่านจอร์จทาวน์ ที่เป็นเมืองเก่ามีตึกก่ออิฐสวย ๆ มีร้านค้าและร้านอาหารดี ๆ อยู่มาก เหมาะสำหรับเดินช้อปและกินมื้อกลางวัน หรือจะพากันมาแฮงค์เอาท์ช่วงกลางคืนก็ดี
แต่ที่อยากแนะนำเป็นพิเศษก็คือหากมาในช่วง Spring หรือปลาย ๆ เดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน ห้ามพลาดที่จะต้องมาชมซากุระบานกันที่นี่ ในช่วงเทศกาล Cherry Blossom Festival ที่เป็นการเฉลิมฉลองการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่ถือว่าเป็นจุดชมซากุระนอกญี่ปุ่นที่สวยงามมาก ๆ อีกที่หนึ่ง อย่าลืมเช็กการคาดการณ์ช่วงบานของซากุระล่วงหน้ากันก่อนด้วยจะได้ไม่พลาด เอาจริง ๆ ถ้ามาเที่ยวที่วอชิงตัน ดีซีแค่วันเดียวก็พอเที่ยวได้ แต่ถ้าจะให้จุใจน่าจะสัก 2-3 วันน่าจะดีกว่า
3. Niagara Falls (ควรมีเวลา 1 วัน)
Niagara Falls เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมฝั่งด้านหนึ่งของแม่น้ำ Niagara ในรัฐนิวยอร์ก และฝั่งตรงข้ามก็เป็นเมืองแฝดชื่อ Niagara Falls เช่นกันแต่เป็นของแคนาดา น้ำตกไนแองการาถือเป็นอภิมหาน้ำตกอันกว้างใหญ่ สามารถเลือกชมจากจุดชมวิวที่จะเห็นด้านข้างน้ำตก American Falls
หรืออยากเข้าไปใกล้ชิดอีกนิดแต่ล้วนเป็นกิจกรรมที่อาจต้องเสียเงินสักหน่อย คือนั่งเรือ Maid of the Mist เข้าไปชมใกล้ ๆ ได้ ซึ่งจะเห็นด้านหน้าของน้ำตกแบบ HD แต่งานนี้ก็ต้องยอมเปียกปอนกันสักนิด หรือจะเลือกเดินชมจากทางเดินไม้ที่อยู่ใต้เงาของน้ำตก American Falls ก็ไปซื้อตั๋วกิจกรรม Cave of the Winds Tour ได้ที่เกาะ Gorge Island
กิจกรรมที่จะพาไปชมสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลหลากหลายชนิดที่ Aquarium of Niagara ที่อยู่ห่างจากอุทยานแห่งชาติน้ำตกไนแองการ่าไปนิดเดียว หรือเลือกดูตำนานความลึกลับของน้ำตกที่ Niagara Adventure Theater ถ้าอยากชิลก็เลือกนั่งรถโบราณชมรอบ ๆ กับกิจกรรม Niagara Falls Scenic Trolleys ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย รับรองว่าใครมาแล้วต้องได้รูปรุ้งเจ็ดสีกลับไปด้วยแน่นอน ที่นี่มีนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปีไม่มีเหงา แต่ในช่วงหน้าหนาวก็อาจจะหนาวมากสักหน่อยเท่านั้นเอง
4. เมืองบอสตัน (ควรมีเวลา 1 วัน)
บอสตัน เมืองหลวงของแมสซาชูเซตส์ เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่และเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของอเมริกา เป็นเมืองมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างมหาวิทยาลัยบอสตัน วิทยาลัยการดนตรีเบิร์กลีย์ MIT และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บอสตันยังมีความสำคัญต่อความรู้สึกของคนไทยด้วยเพราะเป็นสถานที่เสด็จพระราชสมภพของรัชกาลที่ 9 ซึ่งที่นี่ยังมี จัตุรัสภูมิพล เป็นอนุสรณ์รำลึกถึงพระองค์ท่านด้วย
เส้นทางท่องเที่ยวสำคัญที่พลาดไม่ได้เมื่อมาบอสตันก็คือ Freedom Trail เส้นทางเดินเท้าประมาณ 4 กิโลเมตรที่ผ่านแลนด์มาร์กมากมาย ทั้งสวนสาธารณะเก่าแก่ บอสตันคอมมอน (Boston Common) อาคารรัฐสภา (Massachusetts State House) โบสถ์โอลด์นอร์ธ (Old North Church) โบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในบอสตัน ฯลฯ สถานที่ต่าง ๆ นั้นล้วนบอกเล่าเรื่องราวการก่อตั้งประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกมาก เช่น ฟาเนย ฮอลล์ (Faneuil Hall Marketplace) ตลาดยอดนิยมที่ต้องไปอย่าง ตลาดเก่าฟานิวและควินซี่ (Faneuil and Quincy Market) มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) บอสตัน วอเตอร์ฟรอนท์ (Boston Waterfront) พิพิธภัณฑ์ทางน้ำแห่งนิวอิงแลนด์ (New England Aquarium) ย่าน Beacon Hill พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์ (Museum of Fine Arts, Boston) ไปดูเบสบอลที่ Fenway Park ฯลฯ
ที่บอสตันนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ให้ชมอีกเยอะและสถานที่อื่นๆ อีกมากมายเช่นกัน หากมาเพียงวันเดียวคงต้องตัดสินใจเลือกเอาที่คิดว่าชอบที่สุดก็แล้วกัน
5. Long Island (ควรมีเวลา 1 วัน)
ลองไอส์แลนด์ เกาะใหญ่ทางตะวันออกของนิวยอร์ก เป็นเกาะที่มีประชากรหนาแน่น เป็นเขตที่เรียกว่าราคาบ้านแพงลิบลิ่ว เพราะเกาะที่แยกออกมามีส่วนทำให้ประชากรมีคุณภาพชีวิตดี อากาศดี อยู่กันแบบสงบสุขมาก สามารถเดินทางด้วยรถไฟจากนิวยอร์กสาย LIRR หรือ Long Island railroad ไปได้
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปเยือนให้ได้คือพื้นที่ในส่วนที่เลียบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก สวนสาธารณะโจนส์บีช (Jones Beach State Park) ไป มอนทอก (Montauk) เมืองชายทะเลเล็ก ๆ ตรงปลายสุดของ Long Island ที่สวนสาธารณะมอนตอก (Montauk Point State Park) ซึ่งเป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์กอย่างประภาคาร Montauk Point Light ในยุคปลายปี 1700 ให้ได้
นอกจากประภาคารที่มอนทอกแล้ว ยังมีอีกแห่งที่ต้องมาเช็กอินก็คือที่เกาะ Fire Island เป็นที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังสุดเช่นกัน สามารถเดินทางจากแมนฮัตตันหากขับรถมาก็ประมาณชั่วโมงครึ่ง นอกจากนี้ ที่ลองไอส์แลนด์ยังมีสวนสาธารณที่ยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก มีความสวยงามและสะอาดสะอ้าน น่าเดินเล่นมากคือ Gantry Plaza State Park เป็นหนึ่งสถานที่ที่ขอแนะนำว่าต้องไปถ่ายรูปค่ะ โดยเฉพาะคนที่ชอบถ่ายรูป landscape ขอบอกว่าห้ามพลาด
เคล็ดลับวีซ่า
กรีนการ์ด lotto มาแล้ว
กรีนการ์ด lotto มาแล้ว Tumvisa ช่วยให้คนไทยได้ไปสหรัฐฯ ทุกปี โดยผ่านโครงการ Green Card Lotto โครงการง่ายๆ ที่ทำให้ คุณได้ใบเขียวในสหรัฐฯ อย่าไปหลงเชื่อ โฆษณาอื่นๆ ที่เก็บเงินท่านแพงๆ เพราะ โครงการนี้เป็นโครงการช่วยเหลือ จากรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มสมัครเพื่อได้เลข lotto และรอประกาศผล ลูกค้า Tumvisa มีได้ไปทุกปี รายละเอียด กรีนการ์ดล็อตโต้ หลักการคล้ายๆ ซื้อหวย ถ้าเราถูกก็จะได้เป็นสิทธิ์ไปเป็นพลเมืองถาวรนั่นเอง ประเทศอเมริกาเป็นประเทศเสรี และต้องการให้เกิดความหลากหลายทางเชื้อชาติ เลยจัดให้มี Green Card Lotto ทุกปี โดยโควตามากน้อยต่างกันออกไป ปกติจะมีช่วงเวลาการสมัคร 1 เดือน เท่านั้น แล้วถ้าท่านใด ถูก ก็จะได้ กรีนการ์ด หรือ คนไทยมักเรียกใบเขียว เพื่อไปอยู่อเมริกาได้ทันที และ เมื่ออยู่ครบ 5 ปี […]
สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาไม่ดูอะไรเลยจริงหรือ?
สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาไม่ดูอะไรเลยจริงหรือ? สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาไม่ดูอะไรเลยจริงหรือ? จากบอร์ดหรือสังคมโซเชียลมีเดียที่ว่าการสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาไม่ดูอะไรเลยก็ปฏิเสธทันทีเลยเป็นความจริงหรือ วันนี้พี่ตั้มมาตอบง่ายๆ เลยว่า เนื่องจากปัจจุบันสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทยต้องดีลกับผู้ยื่นวีซ่าประเภทต่างๆ ต่อวันเป็นจำนวนเยอะมาก และโดยปกติการสัมภาษณ์ผู้สมัครแต่ละคนจะใช้เวลาราวๆ 1-2 นาที ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่เร็วมาก ดังนั้นวันนี้เรามาดูกัน จะทำอย่างไรให้ 1-2 นาที ที่เป็นการสัมภาษณ์ที่เป็นนาทีสำคัญมาก ดังนั้นการเตรียมตัวที่ดี และการวางแผนที่ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญ และจะมาแชร์เทคนิคที่ทำให้การสัมภาษณ์ของพวกเราง่ายขึ้นและราบรื่นยิ่งขึ้น การกรอกใบสมัคร มีความสำคัญมาก หน้าที่การงาน ต้องกรอกให้ชัดเจน ทำงานอะไรที่ไหนอย่างไร ตำแหน่งอะไร และรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ เพราะการเงินเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าการเงินเราน้อยเกินไป เจ้าหน้าที่สัมภาษณ์อาจจะมองตรงนี้เป็นจุดปฏิเสธวีซ่าเรา ประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ ประเทศอเมริกาชอบดูประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ ว่าเคยมีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศไหม และถ้าเคยมีวีซ่าประเทศที่ขอยากๆ เช่น แคนาดา อังกฤษ หรือ ประเทศในเขตเชงเก้น ก็จะทำให้เรามีแต้มต่อ เอกสารมีการตรวจ Pre Screen คร่าวๆ ด้วยเจ้าหน้าที่คนไทย และ ระบบการเรียกแบบสุ่ม Random ของอเมริกานั้น เป็นระบบที่เรียกว่า Random โดยระบบจะบอกเจ้าหน้าที่ว่า พอถึงคิวที่เท่านี้หรือเท่านั้น ให้สอบสัมภาษณ์เข้มข้นขึ้น ขอดูเอกสารจำเป็นเช่น พาสปอร์ต […]
จะไปอังกฤษควรเตรียมยื่นวีซ่าเนิ่นๆ ไม่งั้นราคาที่ต้องจ่ายจะสูงมาก!
จะไปอังกฤษควรเตรียมยื่นวีซ่าเนิ่นๆ ไม่งั้นราคาที่ต้องจ่ายจะสูงมาก! ใครที่จะไปอังกฤษ ตอนนี้บอกได้เลยว่าเตรียมยื่นวีซ่าเนิ่นๆ เพราะหลังจากเกิดการรบระหว่างรัสเซียและยูเครน ตรวจคนเข้าเมืองประเทศอังกฤษก็พยายามอธิบายการพิจารณาวีซ่าที่ล่าช้าเพราะ คำนึงถึงการช่วยเหลือพลเมืองยูเครนที่มีความประสงค์ไปอังกฤษก็จะได้รับการพิจารณาก่อน ทำให้การขอวีซ่าของพวกเราๆ นั้นเดิมที ใช้เวลาที่ประมาณ 2 อาทิตย์ ก็จะได้เล่มคืนแล้ว แต่ทว่าปัจจุบันฟาดเวลาไปถึงประมาณ 1 เดือนเศษๆ และ หลายคนก็อาจจะมากถึง 2 เดือน โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะได้แต่รอจริงๆ การที่ใช้ระยะเวลาการขอวีซ่าที่นานนั้น ภาษาฝรั่งจะเรียกว่า มันไม่ practical เท่าไหร่เพราะ ระยะเวลาที่นานเกินไป ไม่สอดคล้องและสอดรับกับยุคปัจจุบันที่การใช้ชีวิตต้องเร็วและมีคุณภาพ ดังนั้น หากท่านใด มีแผนที่จะไปอังกฤษ หรือ ไปท่องเที่ยว หรือ ไปธุรกิจประจำอยู่แล้ว ผมแนะนำเลยว่า ขอจำนวนปี ของวีซ่ามากหน่อย เพื่อทำให้ประหยัดเวลาที่จะต้องหายไปกับขบวนการของการทำวีซ่านั่นเอง โดนปกติแล้ววีซ่าอังกฤษจะมีระยะจำนวนปี ที่เราขอได้ดังนี้ วีซ่าท่องเที่ยว หรือ ธุรกิจ 6 เดือน (รุ่น basic สุด) วีซ่าท่องเที่ยว หรือ ธุรกิจ 2 […]
3 สิ่งที่ต้องมี และทำให้สถานทูตยากที่จะปฏิเสธเรา
3 สิ่งที่ต้องมี และให้ความสำคัญ ที่ทำให้ Application ของเราแข็งแรง และสถานทูตยากที่จะปฏิเสธเรา 3 สิ่งที่ต้องมี และให้ความสำคัญ ที่ทำให้ Application ของเราแข็งแรง และสถานทูตยากที่จะปฏิเสธเรา มีดังต่อไปนี้ งาน – หน้าที่การงานที่มั่นคง เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารหรือการสัมภาษณ์ ที่ เจ้าหน้าที่จะสอบถามและเรียกหาดู และการทำงานก็จะแบ่งเป็น 1.1 พนักงานบริษัท ต้องใช้หนังสือรับรองการทำงานที่มีหัวกระดาษบริษัทชัดเจน ที่อยู่ และผู้มีอำนาจลงนาม กรณีเป็นบริษัทขนาดเล็ก ให้แนบหนังสือรับรองมาด้วยจะช่วยเสริมให้การงานเราดูแข็งแรงและน่าเชื่อถือขึ้น 1.2 เจ้าของบริษัท ให้ใช้หนังสือรับรองบริษัท ปัจจุบันสามารถขอเป็นแบบภาษาอังกฤษได้เลย เพื่อไม่ต้องไปแปล พร้อมประทับตราบริษัท 1.3 อาชีพอิสระ จะต้องหาเอกสารมาประกอบยื่นวีซ่า ที่แตกต่างในแต่ละเคส คือ ต้องเตรียมเอกสารที่เป็นภาพประกอบ หรือผลงานต่าง ๆ หรือใบอนุญาตประกอบการงานนั้น เช่น นักกีฬาอาชีพก็อาจใข้เอกสารยืนยันต่าง ๆ นักเทรดหุ้นอาชีพ ก็ต้องเอาตัวอย่างเอกสารซื้อขาย หรือไม่เปิดร้านขายของ ก็เอา รูปถ่ายร้านอาหาร หรือร้านขายของมาประกอบนั่นเอง การเงิน เป็นหัวใจของการขอวีซ่าทั้งหมดทั้งปวง […]