เที่ยวจีนครั้งแรกไปไหนดี
เข้าสู่ช่วงปลายปีแล้ว เชื่อว่าหลายคนที่กำลังมองหาที่เที่ยวช่วงปีใหม่อยู่ คงจะมีประเทศจีนเป็นตัวเลือกอยู่ในอันดับต้นๆ แต่หลายคนก็ยังไม่เคยไปจีน และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเที่ยวที่เมืองไหนดี เพราะในความเป็นจริงนั้นประเทศจีนเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ มีที่เที่ยวมากมาย และแต่ละเมืองก็ยังมีระยะทางที่ห่างกันพอสมควร วันนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวจีนที่ผู้ไปเที่ยวจีนครั้งแรกต้องไปสัมผัส รับรองว่าไปแล้วจะได้ความประทับใจ และรูปภาพสวย ๆ กลับมาแน่นอน
เที่ยวชมเมืองหลวงและประวัติศาสตร์จีนที่ปักกิ่ง
เมืองแนะนำสำหรับการไปเที่ยวจีนครั้งแรกคือ ปักกิ่ง เพราะปักกิ่งเป็นเมืองหลวงของจีนที่ปัจจุบันมีความเจริญมาก สามารถเดินทางได้หลากหลายมีทั้งรถบัส และรถไฟฟ้าที่ครอบคลุมทุกแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางก็ถือว่าไม่แพง รวมไปถึงคนในเมืองปักกิ่งส่วนใหญ่ก็สามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ด้วย
ปักกิ่งจึงเหมาะสำหรับคนที่อยากไปเที่ยวจีนแบบสบาย ๆ ไม่ลำบาก เดินทางสะดวก อาหารการกินที่พักหาง่าย ได้ดูวิธีชีวิตผู้คนในเมืองหลวง พร้อมกับได้ชมศิลปะวัฒนธรรม และความยิ่งใหญ่อลังการของประวัติศาสตร์ของจีนได้อย่างเต็มที่ ปักกิ่งจึงถือเป็นเมืองที่ครบเครื่องสำหรับการไปเที่ยวจีนครั้งแรก
พระราชวังต้องห้าม
ปักกิ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญทางประวัติศาสต์มากมาย แต่สถานที่ท่องเที่ยวที่อยากแนะนำเป็นที่แรกในปักกิ่งก็คือ พระราชวังต้องห้าม หรือเรียกอีกอย่างว่า พระราชวังกู้กง ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญซึ่งตั้งอยู่ตรงใจกลางของเมืองปักกิ่งถูกต้องตามหลักหลักฮวงจุ้ย พระราชวังต้องห้ามถือเป็นหนึ่งในพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่ต้องมาเยือนสักครั้ง และยังได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย
พื้นที่ของพระราชวังต้องห้ามนั้นกว้างใหญ่มาก มีพื้นที่โดยประมาณทั้งหมด 720,000 ตร.ม. ด้านนอกมีกำแพงสูงและคูน้ำล้อมรอบ มีประตูทางเข้าทั้ง 4 ทิศ มีอาคารมากกว่า 900 หลัง มีห้องรวมกันทั้งหมดกว่าหมื่นห้อง มีสวนขนาดใหญ่ซึ่งมีต้นไม้เก่าแก่อายุมากไว้หลายชนิด
ที่มาของพระราชวังต้องห้ามนั้นมาจากในอดีตที่พระราชวังแห่งนี้นั้นเป็นเขตหวงห้ามไม่ให้สามัญชนเข้ามาด้านใน และข้าราชบริพารหรือข้าราชการที่อยู่ในพระราชวังนั้น ก็จะต้องอาศัยอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต ด้วยความที่พระราชวังแห่งนี้มีพื้นที่กว้างมาก จึงใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง ในการเดินให้ครบทุกส่วน ยิ่งถ้าเป็นคนที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ยิ่งไม่ควรพลาด
สวนจิ่งซาน
เสร็จจากการเที่ยวชมพระราชวังต้องห้ามแล้ว หากใครเริ่มเหนื่อยก็สามารถเข้ามาพักผ่อนได้ที่ สวนจิ่งซาน ซึ่งเป็นสวนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านทิศเหนือฝั่งตรงข้ามของพระราชวังต้องห้าม สวนแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงในเวลาไล่เลี่ยกับพระราชวังต้องห้าม
ภายในสวนจิ่งซานนั้นมีภูเขาสูงจำนวน 5 ยอดที่อยู่ภายในสวนที่เรียกว่า ภูเขาจิ่งซาน มีความสูงประมาณ 45.7 ม. ภูเขาเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นหลักฮวงจุ้ยให้ภูเขาตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของราชวังต้องห้าม นอกจากนี้เขาจิ่งซานยังช่วยป้องกันกระแสลมเหนือที่มาพร้อมกับความหนาวเย็นสู่พระราชวังอีกด้วย
สาเหตุที่สร้างเป็นจำนวน 5 ยอด คือเพื่อให้เป็นตัวแทนของทั้ง 5 ธาตุ คือ ดิน, น้ำ, ไม้, ไฟ และทอง บนยอดเขาแต่ละยอดจะมีการสร้างศาลาไว้ ส่วนด้านล่างของสวนจิ่งซานนั้นมีขนาดกว้างขวาง มีต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่น มีสวนดอกไม้ มีเขาวงกต มีสวนหิน และแท่นจารึกต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมอย่างจุใจ
จัตุรัสเทียนอันเหมิน
ถัดจากสวนจิ่งซานเราจะไปต่อกันที่ จัตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากพระราชวังต้องห้าม จัตุรัสแห่งนี้เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของประเทศจีน มีบริเวณกว้างขวางถึง 440,000 ตร.ม. โดยสามารถจุประชากรได้กว่า 1 ล้านคน ที่ผ่านมาจึงได้เป็นสถานที่จัดพิธีในโอกาสสำคัญต่างๆ นอกจากนี้ยังมีร่องรอยที่แสดงถึงเหตุการณ์ทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของจีนอีกด้วย
ภายในจัตุรัสเทียนอันเหมินนั้นมีสถานที่ให้เยี่ยมชมมากมายประกอบด้วย อนุสาวรีย์วีรชน คือเสาหินแกรนิตสูงใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงใจกลางจัตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1952 เพื่อรำลึกถึงการต่อสู้ของประชาชนชาวจีนในการรวมเป็นสาธารณรัฐ โดยบริเวณรอบฐานจะมีภาพสลักเรื่องราวการปฏิวัติจีน รวมไปถึงมีลายมือของเหมา เจ๋อตุงสลักเอาไว้บนเสาด้วย
ต่อไปเป็น ตึกอนุสรณ์สถานเหมา เจ๋อตุง อนุสรณ์สถานที่ระลึกถึงเหมา เจ๋อตุง สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากมาเคารพศพของเหมา เจ๋อตุง โดยต้องใช้เวลาต่อคิวเพื่อเข้าชมนานพอสมควร ขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละวัน ในส่วนของด้านข้างอาคารทั้ง 4 ทิศ ก็จะมีรูปปั้นเหล่าวีรชนซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่ร่วมกันสร้างชาติจีนอยู่
ส่วนต่อไปที่พลาดไม่ได้คือ ประตูเฉียนเหมิน ซึ่งเป็นซุ้มประตูที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของจัตุรัสเทียนอันเหมิน มีอายุกว่า 500 ปี เดิมทีใช้เป็นประตูหลักของขบวนพระจักรพรรดิเวลาเสด็จเข้า-ออกจากพระราชวังต้องห้าม ด้านบนเป็นหอคอยสูงซึ่งเมื่อรวมกับฐานซุ้มประตูจะมีความสูงถึง 42 เมตร จึงถือเป็นซุ้มประตูที่สูงที่สุดในปักกิ่ง
นอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และการปฏิวัติ ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของจัตุรัสเทียนอันเหมิน สร้างในปี ค.ศ. 1959 เป็นที่เก็บรักษาและแสดงโบราณวัตถุกว่า 900 ชิ้น และมาถึงจุดที่ทุกคนนิยมมาถ่ายรูปมากที่สุดคือ ประตูเทียนอันเหมิน คือพลับพลาสีแดงที่มีรูปภาพขนาดใหญ่ของเหมา เจ๋อตุงอยู่เหนือซุ้มประตูเทียนอันเหมิน
หอสักการะฟ้าเทียนถาน
หากใครยังเที่ยวชมประวัติศาสตร์ของจีนไม่จุใจ เราจะไปต่อกันที่ หอสักการะฟ้าเทียนถาน เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวในเมืองปักกิ่งที่พลาดไม่ได้ใน เพราะเป็นที่ ๆ แสดงถึงสถาปัตยกรรมและการวางผังแบบจีนในสมัยก่อน เดิมทีหอสักการะฟ้าเทียนถานถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง เพื่อใช้ประกอบพิธีบวงสรวงฟ้าดินให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล และผลผลิตอุดมสมบูรณ์
หอสักการะฟ้าเทียนถานนั้นตั้งอยู่ใจกลางเมืองปักกิ่ง ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของพระราชวังต้องห้าม มีลักษณะเป็นอาคารไม้หลังใหญ่สูง 3 ชั้น สร้างบนฐานหินหยกขาว มีบริเวณรายล้อมรวมถึง 2.7 ตร.กม. ถือเป็นสถานที่เพื่อการประกอบพิธีบวงสรวงที่ใหญ่ที่สุดในโลก และในปี ค.ส. 1998 หอสักการะฟ้าเทียนถานได้รับการยกย่องจากองค์กรยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก
หอสักการะฟ้าเทียนถานนั้นประกอบด้วยเขตของอาคาร 3 ส่วนที่สำคัญคือ หอฉีเหนียนเตี้ยน ที่ใช้ประกอบพิธีบวงสรวงฟ้าดิน ซึ่งตั้งอยู่ตอนเหนือสุดของสถานที่แห่งนี้, หอหวางฉุงหยี่ มีลักษณะคล้ายหอบวงสรวง ภายในหอตั้งป้ายชื่อเทพเจ้าฟ้าดิน พระอาทิตย์และพระจันทร์ ใช้ในพิธีบวงสรวงของฮ่องเต้ และแท่นบวงสรวงหวานชิวถาน ใช้สำหรับการขอพรจากพรจากสวรรค์ เพื่อให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล และช่วยให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์
นอกจากนี้ภายในบริเวณหอสักการะฟ้าเทียนถาน ยังมีสวนสาธารณะเทียนถานซึ่งเป็นที่ ๆ มีคนมาพักผ่อน เดินเล่น และออกกำลังกายอยู่เสมอ หากชมสถาปัตยกรรมจนเหนื่อยแล้วเราก็สามารถมานั่งพักที่สวนสาธารณะแห่งนี้ได้
พระราชวังฤดูร้อนอี้เหอหยวน
หากใครเริ่มเบื่อกับการเที่ยวชมในเมือง แล้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปดื่มด่ำกับธรรมชาติ ถัดออกไปหน่อยจากใจกลางเมืองหลวงจะมีแลนด์มาร์คสำคัญอีกที่คือ พระราชวังฤดูร้อนอี้เหอหยวน ซึ่งเป็นอีกตัวเลือกที่ห้ามพลาดในทริปนี้
พระราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองปักกิ่งไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 15 กม. สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์จิ๋นเมื่อประมาณ 800 ปีมาแล้ว พระราชวังนี้ถูกทำลายลงถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี ค.ศ.1860 ซึ่งเป็นยุคสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 โดยกองทหารอังกฤษและฝรั่งเศส ครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ.1900 ถูกกองทัพชาติตะวันตกหลายชาติทำลายเพื่อตอบโต้กบฏนักมวย ซึ่งพระนางซูสีไทเฮาก็ทรงบูรณะพระราชวังนี้ขึ้นอีกทั้ง 2 ครั้ง ต่อมาในปี ค.ศ.1998 พระราชวังแห่งนี้ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกโดยองค์กรยูเนสโก
พระราชวังฤดูร้อนอี้เหอหยวนถูกสร้างอยู่บนเขาว่านโซ่วซาน ซึ่งเป็นภูเขาขนาดย่อมสูงประมาณ 60 ม. ที่ถูกสร้างขึ้นจากดินที่ได้จากการขุดทะเลสาบคุนหมิง ตั้งอยู่ท่ามกลางอุทยานอันกว้างใหญที่มีสวนดอกไม้กว่า 300 แห่ง และมีทะเลสาบที่สวยงามขนาดใหญ่มีชื่อเรียกว่าทะเลสาบคุนหมิง ที่ขุดด้วยแรงงานคนกว่าแสนคน กินพื้นที่ 3 ใน 4 ของบริเวณทั้งหมดซึ่งมีถึง 1,813 ไร่
พระราชวังแห่งนี้ประกอบไปด้วยตำหนักหลายหลัง อาทิเช่น ตำหนักเล่อโซ่วถาง เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของซูสีไทเฮา, ตำหนักเหวินโซ่วเตี้ยน ซึ่งเป็นตำหนักที่พระนางซูสีไทเฮาใช้เป็นที่เสด็จออกประทับนั่งบนบัลลังก์มังกรเพื่อให้บรรดาเชื้อพระวงศ์เข้าเฝ้า แสดงถึงอำนาจเหนือฮ่องเต้, ตำหนักอวี่หลันเตี้ยน เป็นตำหนักที่พระนางซูสีไทเฮาใช้ขังฮ่องเต้กวางซวี ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของพระนางเอง เพื่อยึดอำนาจปกครองบ้านเมือง และตำหนักอี้เล่อเตี้ยน เป็นโรงงิ้ว 3 ชั้น ที่สร้างขึ้นจากบรอนซ์ทั้งหลัง เพื่อเป็นสถานที่จัดแสดงงิ้วให้พระนางซูสีไทเฮาชม
นอกจากพระตำหนักต่าง ๆ ยังมีสถาปัตยกรรมอื่น ๆ ใช้เที่ยวชมอีก เช่น บ้านพักของลิเลียนยิง ซึ่งเป็นขันทีของพระนางซูสีไทเฮา บ้านพักนี้มีขนาดใหญ่และมีความหรูหรามาก, เรือหินอ่อน ซึ่งเป็นที่จิบน้ำชาและชมวิวทะเลสาบของพระนางซูสีไทเฮา ถือเป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกเพียงชิ้นเดียวในพระราชวังแห่งนี้ สร้างมาจากหินอ่อนและไม่สามารถลอยน้ำได้จริง และหอฝอเซียง ซึ่งเป็นจุดสูงที่สุดบนเขาว่านโซ่วซาน ภายในมีเจ้าแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จุดนี้เป็นจุดที่สามารถชมวิวทะเลสาบได้อย่างสวยงาม
พระราชวังฤดูร้อนหยวนหมิงหยวน
ไม่ไกลจากพระราชวังฤดูร้อนอี้เหอหยวนนั้นมีพระราชวังฤดูร้อนเดิมที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักอยู่ นั่นคือ พระราชวังฤดูร้อนหยวนหมิงหยวน ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้รับการบูรณะให้สวยงามเหมือนพระราชวังฤดูร้อนอี้เหอหยวน บางคนอาจจะมองว่าที่นี่ไม่เหลืออะไรแล้ว เพราะสิ่งก่อสร้างถูกเผาทำลายไปหมด แต่ที่แห่งนี้ก็ยังมีบริเวณสวนที่กว้างใหญ่และร่มรื่น สามารถเป็นที่เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจได้ดี เหมาะกับคนที่ชอบความสงบ และอยากมาดูร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของจีน
พระราชวังฤดูร้อนหยวนหมิงหยวน มีพื้นที่ถึง 3.5 ตร.กม. ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าพระราชวังฤดูร้อนอี้เหอหยวน และความใหญคิดเป็นกว่า 5 เท่าของพระราชวังต้องห้าม ในอดีตพระราชวังแห่งนี้มีความเจริญรุ่งเรืองมาก เพราะเป็นที่รวมทั้งสวนและสถาปัตยธรรมที่ฮ่องเต้โปรดปราน จนกระทั่งถูกเผาทำลายถึง 2 ครั้งครั้งแรกในปี ค.ศ.1860 ช่วงหลังสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 กองทัพพันธมิตรอังกฤษ-ฝรั่งเศส
ครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ.1900 โดยกองทัพพันธมิตร 8 ชาติ จึงเหลือก็แต่ซากอาคารตึกแบบยุโรปที่ทำจากหินที่พอจะรอดพ้นจากไฟมาได้ แต่ก็อยู่ในสภาพทรุดโทรมอย่างมาก แม้แต่หินยังถูกขโมยออกมาจนพระราชวังหยวนหมิงหยวนจึงกลายเป็นสภาพพื้นที่รกร้างในปัจจุบัน โดยไม่สามารถบูรณะกลับมาให้เหมือนเดิมได้อีก ให้ความรู้สึกเหมือนไปดูซากปรักหักพังของกรุงศรีอยุธยา
ปัจจุบันภายในบริเวณพระราชวังฤดูร้อนหยวนหมิงหยวนจึงมีแต่เพียงต้นไม้ ดอกไม้ และบึงบัวใหญ่อันสวยงาม พื้นที่บางส่วนมีการปิดบูรณะซ่อมแซม แต่ก็ยังมีส่วนสำคัญหลายส่วนที่เปิดให้บริการ หากใครที่ชอบศึกษาประวัติศาสตร์สามารถมาชมร่องรอยความยิ่งใหญ่ของพระราชวังแห่งนี้ได้ และยังได้มาพักผ่อนหย่อนใจในสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในเมืองปักกิ่ง
กำแพงเมืองจีน
มาถึงแลนด์มาร์คสำคัญที่พลาดไม่ได้เด็ดขาดนั่นก็คือ กำแพงเมืองจีน ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่ากำแพงเมืองจีนนั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในจีนที่ไม่ได้แปลกใหม่และใคร ๆ ก็ไปกัน แต่ขอบอกเลยว่าสำหรับคนที่ไปเที่ยวจีนครั้งแรกนั้น กำแพงเมืองจีนเป็นหนึ่งในลิสต์ที่ต้องไปสัมผัสความยิ่งใหญ่ด้วยตัวเองสักครั้ง เพราะกำแพงเมืองจีนนั้นเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง และยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกของโลกโดยองค์กรยูเนสโกในปี ค.ศ.1987 ถ้าได้ไปเห็นของจริงจะรู้เลยว่ายิ่งใหญ่มาก
กำแพงเมืองจีนถูกสร้างขึ้นในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ เพื่อป้องกันการบุกรุกของชาวฮั่นและก๊กต่าง ๆ ในสมัยนั้น ใช้หินหลายชนิดเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง ซึ่งแต่ละด่านจะสร้างโดยวัสดุที่ไม่เหมือนกัน กำแพงเมืองจีนนั้นสร้างโดยแรงงานมนุษย์ซึ่งส่วนมากเป็นเชลยสงครามและทาส มีแรงงานจำนวนไม่น้อยที่เสียชีวิตลงระหว่างการก่อสร้าง ต่อมากำแพงเมืองจีนได้มีการก่อสร้างและบูรณะซ่อมแซมเพิ่มในสมัยของราชวงศ์อื่นอีกหลายครั้ง ใช้เวลาสร้างรวมทั้งหมดเกือบ 2 พันปี
ปัจจุบันกำแพงเมืองจีนนั้นมีความยาวถึง 21,196.18 กม. จึงมีอีกชื่อเรียกว่ากําแพงหมื่นลี้ มีอาณาเขตครอบคลุมทั้งหมด 9 มณฑลทั่วประเทศจีน สำหรับด่านกำแพงเมืองจีนที่อยู่ใกล้เมืองปักกิ่งนั่นก็มีหลายด่าน เช่น ด่านปาต้าหลิ่ง, ด่านมู่เถียนยวี่, ด่านจวียงกวน, ด่านจินซานหลิ่ง, ด่านซือหม่าไถ และด่านหวงฮวาเฉิง เป็นต้น
ด่านที่แนะนำให้ไปเที่ยวคือด่านที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมแล้ว และอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองปักกิ่ง เพราะสามารถเดินทางได้ง่ายคือด่านจวียงกวน เพราะอยู่ใกล้กรุงปักกิ่งที่สุด ห่างออกไปเพียงแค่ 50 กม. รวมทั้งมีวัด, สวน และจารึกภาษาต่างๆ มากมาย ต่อมาคือด่านมู่เถียนยวี่ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองปักกิ่งแค่ 70 กม.ด่านนี้ได้รับการบูรณะจนมีสภาพสมบูรณ์ ใกล้เคียงกับของเดิมที่สุดเมื่อเทียบกับด่านอื่น ๆ และด่านปาต้าหลิ่ง อยู่ห่างจากเมืองปักกิ่งประมาณ 80 กม. ซึ่งเป็นด่านที่นักท่องเที่ยวนิยมมามากที่สุด เพราะมีทั้งกระเช้าลอยฟ้าและรถรางให้นั่ง รวมถึงมีร้านอาหารมากมาย
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งราชวงศ์หมิง
ที่ต่อไปที่เราอยากแนะนำให้ไปเที่ยวคือ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งราชวงศ์หมิง ที่นี่เหมาะกับคนที่มีเวลาเหลือและชอบประวัติศาสตร์ เพราะที่นี่จัดแสดงประวัติและผลงานตั้งแต่เริ่มก่อตั้งราชวงศ์หมิง เราจะได้เห็นวันที่ราชวงศ์หมิงเจริญรุ่งเรืองที่สุด ไปจนถึงวันที่ราชวงศ์หมิงล่มสลาย
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นอาคารชั้นเดียว เราสามารถเดินชมหุ่นขี้ผึ้งที่เล่าเรื่องราวแต่ละฉากของราชวงศ์หมิง รวมทั้งสิ้นถึง 26 ฉาก แต่ละฉากมีความสมจริง และมีคำบรรยายให้ทราบถึงความเป็นมาของฉากนั้น สามารถเรียนรู้ถึงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ และความเป็นมาของจีนได้เป็นอย่างดี
พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย Red Brick Art Museum
สถานที่ต่อไปรับรองว่าต้องถูกใจสายอาร์ตหรือบรรดาเหล่าบล็อกเกอร์แน่นอน สถานที่ ๆ ว่าคือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย Red Brick Art Museum ที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2014 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณชานเมืองปักกิ่ง ที่มาของชื่อมาจากจุดเด่นคือการนำอิฐแดงมาใช้เป็นวัสดุหลักของอาคาร มีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 20,000 ตร.ม. มีพื้นที่สำหรับจัดแสดงนิทรรศการศิลปะต่าง ๆ ได้กว่า 10,000 ตร.ม. ซึ่งมีงานศิลปะจากทุกมุมโลกหมุนเวียนมาให้ได้ชม
โดยพิพิธภัณฑ์นั้นประกอบด้วยอาคารต่าง ๆ หลายอาคาร ตัวอาคารหลักมีโถงกลางทรงกลมสำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ มีพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ 9 ห้อง สตูดิโอสำหรับการทำงานวิจัยทางศิลปะ 2 ห้อง และฮอลล์ใหญ่ 1 ฮอลล์ นอกจากนี้ยังมีที่ให้นั่งเล่น มีห้องสมุด สตูดิโอ แกลเลอรี่ และคาเฟ่
สำหรับคนที่ไม่ชอบชมงานศิลปะก็สามารถไปได้ เพราะที่นี่มีสวนด้านหลังที่บรรยากาศดี มีต้นไม้ร่มรื่น ทำให้อากาศเย็นสบายถึงแม้จะไม่มีแอร์ เหมาะสำหรับการไปนั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ หรือจิบกาแฟ ถ้าใครอยากลองมาเที่ยวที่ใหม่ ๆ ในปักกิ่ง ไม่ควรพลาดที่นี่เป็นอย่างยิ่ง เพราะถ่ายรูปสวยทุกมุมแน่นอน
ถนนเฉียนเหมิน
หลักจากเที่ยวชมประวัติศาสตร์และศิลปะกันอย่างจุใจแล้วก็ถึงเวลาช้อปปิ้งซื้อของติดไม้ติดมือไปฝากคนที่บ้าน แหล่งช้อปปิ้งในเมืองปักกิ่งนั้นมีหลายที่ แต่ที่ ๆ พลาดไม่ได้คือ ถนนเฉียนเหมิน ถนนเส้นนี้อยู่ไม่ไกลจากจัตุรัสเทียนอันเหมิน เหมาะสำหรับการมาเดินในช่วงกลางคืน หลังจากเดินเที่ยวเมืองต้องห้าม และจัตุรัสเทียนอันเหมินมาในตอนกลางวัน
ถนนเฉียนเหมินนั้นเป็นถนนคนเดินที่มีความเก่าแก่ มีอายุมากกว่า 600 ปี มีลักษณะถนนเป็นเส้นตรงยาว อาคารทั้ง 2 ข้างทางเป็นสไตล์โบราณ ในรูปแบบสถาปัตยกรรมจีนผสมตะวันตก ที่ถูกดัดแปลงเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายสินค้าแบรนด์เนม และสินค้าพื้นเมืองต่าง ๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีรถรางแบบโบราณที่วิ่งผ่านกลางถนน ให้บริการนักท่องเที่ยวนั่งชมถนนได้ทั้งเส้น ถนนเฉียนเหมินจึงถือว่าเป็นถนนคนเดินที่มีครบทุกรูปแบบเลยทีเดียว
ย่านซานลี่ถุน
ตบท้ายกันด้วยย่านช้อปปิ้งสุดฮิปที่เอาใจวัยรุ่นสุด ๆ นั่นก็คือย่านซานลี่ถุน ซึ่งเป็นถนนคนเดินเส้นยาวที่เต็มไปด้วยตึกสูงใหญ่ทันสมัย รวมร้านและแบรนด์ดังต่าง ๆ เช่น Apple Store ที่ใหญ่ที่สุดในจีน, ร้าน Adidas ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและ Uniqlo เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีร้านกาแฟและร้านอาหารดังกระจายตัวอยู่เต็มไปหมด และยังมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่างคือห้างไท่คู่ลี่อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีโซนที่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์และร้านหนังสือขนาดใหญ่ที่เปิด 24 ชม. และมีบาร์สำหรับพบปะสังสรรค์ยามค่ำคืน จึงไม่แปลกที่ย่านนี้เป็นที่นิยมของเหล่าวัยรุ่นในเมืองปักกิ่ง จะเห็นว่าปักกิ่งเป็นเมืองที่มีความเจริญมาก แต่ก็ยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่รอให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสัมผัส เป็นเมืองที่มีการผสมผสานระหว่างของความเก่าและใหม่ที่ลงตัว
อย่างไรก็ตามการไปเที่ยวจีนควรมีเวลาอย่างต่ำ 5-7 วัน เพื่อให้สามารถเก็บแลนด์มาร์คสำคัญได้ครบ เพราะประเทศจีนนั้นมีความกว้างใหญ่มาก และมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เพียงแค่ปักกิ่งเมืองเดียวก็ใช้เวลาในการเที่ยวสถานที่สำคัญต่าง ๆ หลายวันแล้ว และการมาจีนนั้นต้องมีค่าใช้จ่ายในการทำวีซ่า หากมาเที่ยวแค่แป็บเดียวแล้วกลับก็อาจจะไม่คุ้มเท่าที่ควร
เคล็ดลับวีซ่า
กรีนการ์ด lotto มาแล้ว
กรีนการ์ด lotto มาแล้ว Tumvisa ช่วยให้คนไทยได้ไปสหรัฐฯ ทุกปี โดยผ่านโครงการ Green Card Lotto โครงการง่ายๆ ที่ทำให้ คุณได้ใบเขียวในสหรัฐฯ อย่าไปหลงเชื่อ โฆษณาอื่นๆ ที่เก็บเงินท่านแพงๆ เพราะ โครงการนี้เป็นโครงการช่วยเหลือ จากรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มสมัครเพื่อได้เลข lotto และรอประกาศผล ลูกค้า Tumvisa มีได้ไปทุกปี รายละเอียด กรีนการ์ดล็อตโต้ หลักการคล้ายๆ ซื้อหวย ถ้าเราถูกก็จะได้เป็นสิทธิ์ไปเป็นพลเมืองถาวรนั่นเอง ประเทศอเมริกาเป็นประเทศเสรี และต้องการให้เกิดความหลากหลายทางเชื้อชาติ เลยจัดให้มี Green Card Lotto ทุกปี โดยโควตามากน้อยต่างกันออกไป ปกติจะมีช่วงเวลาการสมัคร 1 เดือน เท่านั้น แล้วถ้าท่านใด ถูก ก็จะได้ กรีนการ์ด หรือ คนไทยมักเรียกใบเขียว เพื่อไปอยู่อเมริกาได้ทันที และ เมื่ออยู่ครบ 5 ปี […]
สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาไม่ดูอะไรเลยจริงหรือ?
สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาไม่ดูอะไรเลยจริงหรือ? สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาไม่ดูอะไรเลยจริงหรือ? จากบอร์ดหรือสังคมโซเชียลมีเดียที่ว่าการสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาไม่ดูอะไรเลยก็ปฏิเสธทันทีเลยเป็นความจริงหรือ วันนี้พี่ตั้มมาตอบง่ายๆ เลยว่า เนื่องจากปัจจุบันสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทยต้องดีลกับผู้ยื่นวีซ่าประเภทต่างๆ ต่อวันเป็นจำนวนเยอะมาก และโดยปกติการสัมภาษณ์ผู้สมัครแต่ละคนจะใช้เวลาราวๆ 1-2 นาที ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่เร็วมาก ดังนั้นวันนี้เรามาดูกัน จะทำอย่างไรให้ 1-2 นาที ที่เป็นการสัมภาษณ์ที่เป็นนาทีสำคัญมาก ดังนั้นการเตรียมตัวที่ดี และการวางแผนที่ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญ และจะมาแชร์เทคนิคที่ทำให้การสัมภาษณ์ของพวกเราง่ายขึ้นและราบรื่นยิ่งขึ้น การกรอกใบสมัคร มีความสำคัญมาก หน้าที่การงาน ต้องกรอกให้ชัดเจน ทำงานอะไรที่ไหนอย่างไร ตำแหน่งอะไร และรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ เพราะการเงินเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าการเงินเราน้อยเกินไป เจ้าหน้าที่สัมภาษณ์อาจจะมองตรงนี้เป็นจุดปฏิเสธวีซ่าเรา ประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ ประเทศอเมริกาชอบดูประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ ว่าเคยมีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศไหม และถ้าเคยมีวีซ่าประเทศที่ขอยากๆ เช่น แคนาดา อังกฤษ หรือ ประเทศในเขตเชงเก้น ก็จะทำให้เรามีแต้มต่อ เอกสารมีการตรวจ Pre Screen คร่าวๆ ด้วยเจ้าหน้าที่คนไทย และ ระบบการเรียกแบบสุ่ม Random ของอเมริกานั้น เป็นระบบที่เรียกว่า Random โดยระบบจะบอกเจ้าหน้าที่ว่า พอถึงคิวที่เท่านี้หรือเท่านั้น ให้สอบสัมภาษณ์เข้มข้นขึ้น ขอดูเอกสารจำเป็นเช่น พาสปอร์ต […]
จะไปอังกฤษควรเตรียมยื่นวีซ่าเนิ่นๆ ไม่งั้นราคาที่ต้องจ่ายจะสูงมาก!
จะไปอังกฤษควรเตรียมยื่นวีซ่าเนิ่นๆ ไม่งั้นราคาที่ต้องจ่ายจะสูงมาก! ใครที่จะไปอังกฤษ ตอนนี้บอกได้เลยว่าเตรียมยื่นวีซ่าเนิ่นๆ เพราะหลังจากเกิดการรบระหว่างรัสเซียและยูเครน ตรวจคนเข้าเมืองประเทศอังกฤษก็พยายามอธิบายการพิจารณาวีซ่าที่ล่าช้าเพราะ คำนึงถึงการช่วยเหลือพลเมืองยูเครนที่มีความประสงค์ไปอังกฤษก็จะได้รับการพิจารณาก่อน ทำให้การขอวีซ่าของพวกเราๆ นั้นเดิมที ใช้เวลาที่ประมาณ 2 อาทิตย์ ก็จะได้เล่มคืนแล้ว แต่ทว่าปัจจุบันฟาดเวลาไปถึงประมาณ 1 เดือนเศษๆ และ หลายคนก็อาจจะมากถึง 2 เดือน โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะได้แต่รอจริงๆ การที่ใช้ระยะเวลาการขอวีซ่าที่นานนั้น ภาษาฝรั่งจะเรียกว่า มันไม่ practical เท่าไหร่เพราะ ระยะเวลาที่นานเกินไป ไม่สอดคล้องและสอดรับกับยุคปัจจุบันที่การใช้ชีวิตต้องเร็วและมีคุณภาพ ดังนั้น หากท่านใด มีแผนที่จะไปอังกฤษ หรือ ไปท่องเที่ยว หรือ ไปธุรกิจประจำอยู่แล้ว ผมแนะนำเลยว่า ขอจำนวนปี ของวีซ่ามากหน่อย เพื่อทำให้ประหยัดเวลาที่จะต้องหายไปกับขบวนการของการทำวีซ่านั่นเอง โดนปกติแล้ววีซ่าอังกฤษจะมีระยะจำนวนปี ที่เราขอได้ดังนี้ วีซ่าท่องเที่ยว หรือ ธุรกิจ 6 เดือน (รุ่น basic สุด) วีซ่าท่องเที่ยว หรือ ธุรกิจ 2 […]
3 สิ่งที่ต้องมี และทำให้สถานทูตยากที่จะปฏิเสธเรา
3 สิ่งที่ต้องมี และให้ความสำคัญ ที่ทำให้ Application ของเราแข็งแรง และสถานทูตยากที่จะปฏิเสธเรา 3 สิ่งที่ต้องมี และให้ความสำคัญ ที่ทำให้ Application ของเราแข็งแรง และสถานทูตยากที่จะปฏิเสธเรา มีดังต่อไปนี้ งาน – หน้าที่การงานที่มั่นคง เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารหรือการสัมภาษณ์ ที่ เจ้าหน้าที่จะสอบถามและเรียกหาดู และการทำงานก็จะแบ่งเป็น 1.1 พนักงานบริษัท ต้องใช้หนังสือรับรองการทำงานที่มีหัวกระดาษบริษัทชัดเจน ที่อยู่ และผู้มีอำนาจลงนาม กรณีเป็นบริษัทขนาดเล็ก ให้แนบหนังสือรับรองมาด้วยจะช่วยเสริมให้การงานเราดูแข็งแรงและน่าเชื่อถือขึ้น 1.2 เจ้าของบริษัท ให้ใช้หนังสือรับรองบริษัท ปัจจุบันสามารถขอเป็นแบบภาษาอังกฤษได้เลย เพื่อไม่ต้องไปแปล พร้อมประทับตราบริษัท 1.3 อาชีพอิสระ จะต้องหาเอกสารมาประกอบยื่นวีซ่า ที่แตกต่างในแต่ละเคส คือ ต้องเตรียมเอกสารที่เป็นภาพประกอบ หรือผลงานต่าง ๆ หรือใบอนุญาตประกอบการงานนั้น เช่น นักกีฬาอาชีพก็อาจใข้เอกสารยืนยันต่าง ๆ นักเทรดหุ้นอาชีพ ก็ต้องเอาตัวอย่างเอกสารซื้อขาย หรือไม่เปิดร้านขายของ ก็เอา รูปถ่ายร้านอาหาร หรือร้านขายของมาประกอบนั่นเอง การเงิน เป็นหัวใจของการขอวีซ่าทั้งหมดทั้งปวง […]